4 มกราคม 2563 – หลังจากที่เว็ปไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศระเบียบกระทรวงพานิชย์ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมดหรือบางส่วนตามความตกลงการค้าเสรี ไทย–ออสเตรเลีย (TAFTA)
ส่งผลให้ผู้ทำกาแฟหลายท่านมีความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ทางเราจะขอสรุปเนื้อหาในราชกิจจานุเบกษาไว้ดังนี้
การนำเข้ากาแฟสู่ประเทศไทย
ในประเทศไทย กาแฟเป็นสินค้าต้องกำกัด กล่าวคือเป็นสินค้าที่จะต้องได้รับอนุญาตก่อนที่จะนำเข้าและส่งออก เป็นหนังสือจากกระทรวงพาณิชย์ และกรมวิชาการเกษตร เพื่อนำไปแสดงในเวลาปฏิบัติพิธีการศุลกากร และสามารถนำเข้าได้เป็น 2 รูปแบบหลัก คือ ภายในโควตา และ นอกโควตา ทั้งนี้สิ่งที่แตกต่างของทั้งสองรูปแบบนี้คือภาระภาษีที่จะต้องจ่ายแตกต่างกัน โดยภาษีของสินค้าภายในโควตามักจะมีปริมาณน้อยกว่าภาษีของสินค้านอกโควตาขึ้นอยู่กับข้อตกลงทางการค้าของประเทศไทยและประเทศนั้นๆ
โควต้า TAFTA คืออะไร
TAFTA คือข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศไทยกับออสเตรเลียในการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าที่อยู่ในสนธิสัญญาซึ่งกาแฟเป็นหนึ่งในสินค้าที่อยู่ในสนธิสัญญานี้
สำหรับกาแฟที่จะเข้าโควตานี้ได้ต้องมีใบรับรองถิ่นกำเนิดหรือ Certificate of Origin (C/O) จากประเทศออสเตรเลียเท่านั้น
โดยใบรับรองถิ่นกำเนิดส่วนใหญ่จะออกให้ผลิตภัณฑ์ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศนั้นๆเท่านั้น เช่นเมล็ดที่คั่วในออสเตรเลีย หรือเมล็ดกาแฟสารที่ปลูกในออสเตรเลีย ดังนั้นถ้านำเมล็ดกาแฟจากประเทศปานามาเข้ามาทางออสเตรเลียจะไม่ถือว่าอยู่ในโควต้านี้
เมล็ดกาแฟนำเข้าจากออสเตรเลียเหลือไม่ต้องเสียภาษีเลยจริงไหม?
คำตอบคือจริง แต่เป็นในกรณีของกาแฟที่นำเข้าภายในโควต้า ของTAFTA เท่านั้นซึ่งในโควด้านี้ ปีที่แล้วมีอัตราการเสียภาษีอยู่ที่ 5% ซึ่งในราชกิจจานุเบกษาปรับลดเหลือ 0% ในปีนี้
สำหรับการนำเข้าเมล็ดกาแฟนอกโควต้าจากออสเตรเลียมีอัตราการเสียภาษีอยู่ที่ 81%
โควต้า TAFTA อนุญาตให้นำเข้ากาแฟมากแค่ไหน
โควต้า TAFTA แบ่งหมวดหมู่กาแฟหลักๆออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันได้แก่ เมล็ดกาแฟ (หมายถึงกาแฟคั่ว, กาแฟสาร,เปลือก, เยื่อย และอื่นๆที่มีกาแฟผสมอยู่) และ กาแฟสำเร็จรูป (หมายถึงสิ่งสกัด หัวเชื้อกาแฟ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีหัวเชื้อผสมอยู่เช่นกาแฟ Instant)
สำหรับเมล็ดกาแฟ โควต้า TAFTA มีปริมาณอนุญาตอยู่ที่ 1.039 ตันในปี 2562 และ 0.99 ตันในปี 2561
ในขณะที่กาแฟสำเร็จรูป ทีปริมาณอนุญาตอยู่ที่ 26.53ตันในปี 2562 และ 25.27ตันในปี2561
*ปริมาณอนุญาตนำเข้าคือปริมาณทั้งประเทศต่อปี ไม่ใช่ให้ต่อราย
สรุป
จะเห็นได้ว่าปริมาณกาแฟเมล็ดกาแฟที่อนุญาตให้นำเข้าได้นั้นค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับปริมาณบริโภคภายในประเทศที่อยู่ปีละหลายหมื่นตัน และทางกระทรวงพานิชย์ยังไม่มีแผนที่จะยกเลิกภาษีกาแฟนอกโควต้าจากออสเตรเลีย
ดังนั้นการประกาศยกเลิกภาษีกาแฟในโควต้า TAFTA เหลือ 0% นั้นน่าจะไม่มีผลกระทบต่อภาพรวมของตลาดกาแฟในไทยมากนัก เนื่องจากปกติภาษีของโควต้านี้ก็อยู่ในระดับต่ำมาก (5%)
Reference