29 สิงหาคม – ระหว่างปี 2012 เกิดการระบาดของโรคราสนิม (Hemileia vastatrix) ในแถบอเมริกากลาง ปกติแล้วการระบาดของโรคราสนิมจะส่งผลกระทบต่อต้นกาแฟที่มีลูกเชอรี่ ยิ่งปริมาณลูกเชอรี่เยอะโอกาสที่ต้นกาแฟจะถูกโจมตีจากโรคราสนิมก็มีมากขึ้น เนื่องจากต้นกาแฟเกิดความเครียดทำให้ระบบคุ้มกันต่อโรคทำงานได้แย่ลง
แต่การระบาดในปี 2012 พบว่าโรคราสนิมส่งผลกระทบต่อต้นกาแฟใหม่ที่ยังไม่เคยออกผลมาก่อน รวมทั้งต้นกาแฟในโรงเพาะชำ นอกจากนี้โรคราสนิมที่เคยเชื่อว่าการระบาดจะลดลงเมื่อพื้นที่ปลูกสูงขึ้น แต่ในประเทศกัวเตมาลาความรุนแรงในการระบาดในความสูง 400 เมตร จนถึง 1,400 เมตรไม่แตกต่างกัน (อาจจะมาจากภาวะโลกร้อน)
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจระหว่างการระบาดปี 2012 คือระดับความรุนแรงของการระบาดในแต่ละสวนกาแฟไม่เท่ากัน เนื่องจากสวนที่ได้รับการดูแลดี มีการใส่ปุ๋ยทั่วถึงช่วยให้ต้นกาแฟมีความแข็งแรงและทนต่อโรคได้ดีกว่า
ต้นไม้ให้ร่มเงากับราสนิม
รูปจาก American Phytopathological Society.
การปลูกกาแฟใต้ร่มเงามีส่วนช่วยในการระบาดของโรคราสนิม เนื่องมาจากสปอร์ของราสามารถเดินทางได้โดยน้ำฝน ดังนั้นการระบาดครั้งล่าสุด ต้นไม้ที่ปลูกในที่โล่งแจ้ง กับปลูกใต้ร่มเงามีการระบาดของโรคใกล้เคียงกัน แต่ต้นกาแฟที่ปลูกในที่โล่งแจ้งมีอัตราการตายของใบและกิ่งมากกว่า
แม้ว่าต้นไม้ให้ร่มเงามีส่วนช่วยในการระบาดของโรคราสนิม แต่การปลูกต้นกาแฟใต้ร่มเงาช่วยลดความเครียดของต้นกาแฟทำให้มีภูมิคุ้มกันต่อโรคระบาดได้ดีกว่า
ดังนั้นการเลือกลักษณะของต้นไม้ที่จะถูกปลูกให้ร่มเงามีส่วนสำคัญในการป้องกันการระบาด Jacques Avelino นักวิจัยด้านโรคระบาดของ World Coffee Research ได้ทำการวิจัยที่ CATIE ในประเทศ คอสตาริกาเกี่ยวกับชนิด และลักษณะใบของต้นไม้ให้ร่วมเงาที่จะช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคราสนิม หรือเมื่อฝนตกลักษณะของใบไม่แพร่ช่วยกระจายน้ำฝนเป็นวงกว้าง ทำให้สปอร์ของราสนิมไม่แพร่กระจายไปไกล
Jacques Avelino สรุปว่าต้นไม้ที่มีใบขนาดเล็ก กลม มีความยืดหยุ่นได้ดี หรือต้นไม้ที่มีการจัดการได้ง่ายเช่นให้ร่มเงาในช่วยหน้าร้อน และสามารถลดปริมาณร่มเงาลงได้ในหน้าฝนจะช่วยลดการแพร่กระจายของโรคราสนิมได้ เนื่องจากถ้าน้ำฝนไม่กระจายเป็นวงกว้างสปอร์ของราสนิมจะไม่สามารถเดินทางไปยังต้นกาแฟข้างเคียงได้
Reference