10 ตุลาคม – ช่วงทศวรรษ 1920 ในป่าด้านตะวันออกของเกาะติมอร์ ได้เกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ของกาแฟสองชนิดคือ กาแฟสายพันธุ์ Arabica และกาแฟสายพันธุ์ Robusta ก่อให้สายพันธุ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ก็คือ Timor Hybrid (Hybrido de Timor) หรือกาแฟสายพันธุ์ Arabica ที่มียีนของกาแฟ Robusta ผสมอยู่ (สามารถเรียกอีกชื่อได้ว่า Arabusta)
Arabusta สายพันธุ์เก่า
การผสมข้ามสายพันธุ์ในครั้งนี้ทำให้ได้ต้นกาแฟสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถทนทานต่อโรคราสนิมได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่เคยพบมาก่อนในกาแฟสายพันธุ์ Arabica ที่เกิดตามธรรมชาติทั่วไป ด้วยความสามารถในการป้องกันราสนิมได้เป็นอย่างดี ทำให้นักวิจัยจึงพยายามที่จะนำ Timor Hybrid มาผสมกับสายพันธุ์อื่นๆเพื่อปรับปรุงสายพันธุ์ให้มีรสชาติดียิ่งขึ้นเช่น
- นำ Timor Hybrid ไปผสมกับ Caturra กลายเป็น Catimor
- นำ Timor Hybrid ไปผสมกับ Villa Sarchi กลายเป็น Sarchimor
แต่ปัญหาสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นคือความสามารถในการป้องกันโรคราสนิมของ Timor Hybrid และสายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกำลังลดลง การพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถทนต่อโรคราสนิมได้จึงจำเป็นมากขึ้น
วิธีพัฒนา Arabusta สายพันธุ์ใหม่
World Coffee Research ได้ร่วมมือกับ CIRAD และ Nicafrance ในการพัฒนากาแฟสายพันธุ์ Arabusta ที่นำเอาข้อดีของ Robusta คือทนต่อโรคราสนิมแล้วและสามารถโตในที่อุณหภูมิสูงได้ รวมกับรสชาติที่ดีของกาแฟ Arabica
วิธีการพัฒนาสายพันธุ์ Arabusta สายพันธุ์ใหม่เริ่มจาก
- ใช้กระบวนการทำให้กาแฟสายพันธุ์ Robusta มีการจำนวนโครโมโซมเท่ากับ Arabica (เพิ่มจาก 2n เป็น 4n)
- หลังจากนั้นจึงนำไปผสมกับกาแฟสายพันธุ์ Arabica ชนิดที่ไม่มีผลิตละอองเกษร (Pollen) และทำการคัดเลือกต้นลูกที่มีลักษณะตามต้องการ
- ต้นที่ถูกเลือกจะถูกนำกลับไปผสมกับกาแฟสายพันธุ์ Arabica ทำให้มีความสามารถในการขยายพันธุ์ได้
สำหรับการทดลองในครั้งนี้ WCR ได้ผลิตต้นกาแฟสายพันธุ์ใหม่จำนวน 467 ต้น ซึ่งอยู่ระหว่างการเก็บข้อมูล โดยต้นที่ดีที่สุดจะถูกนำไปพัฒนาต่อไป ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการพัฒนาประมาณ 2 – 3 รุ่นด้วยกัน
Reference