วิธีชงกาแฟกับการเกิดโรคหัวใจ
งานวิจัยล่าสุดจากนิตยสาร The European Society of Cardiology ติดตามกลุ่มตัวอย่างชาวนอร์เวย์ทั้งชายและหญิงกว่า 508,747 คนเป็นเวลาประมาณ 20 ปี เพื่อที่จะสำรวจว่าวิธีการชงกาแฟมีผลต่อการเกิดโรคหัวใจหรืออัตราการตายหรือไม่
สำหรับในการทดลองนี้วิธีการชงกาแฟแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มคือ 1.กลุ่มที่ไม่ทานกาแฟ 2. กลุ่มที่ทานกาแฟ Filter (กรองด้วยกระดาษ) 3.กลุ่มที่ทานกาแฟแบบไม่กรองผ่านกระดาษ 4.กลุ่มที่ทานทั้งสองแบบ
นอกจากวิธีการชงแล้ว ผู้ทดลองยังสำรวจปริมาณการบริโภคกาแฟด้วยในแต่ละวันแบ่งเป็น 1. หนึ่งถึงสี่แก้วต่อวัน 2. ห้าถึงแปดแก้ว 3. เก้าแก้วขึ้นไป
ผลการทดลองพบว่า
ผู้ทดลองจะเทียบกลุ่มที่ดื่มกาแฟกับกลุ่มที่ไม่ดื่มกาแฟเพื่อดูความแตกต่างพบว่า
การดื่มกาแฟช่วยลดอัตราการตายทั้งในกลุ่มของผู้ชายและผู้หญิงนอกจากนี้ยังพบว่าการดื่มกาแฟฟิลเตอร์มีอัตราการเป็นโรคหัวใจต่ำกว่าในผู้ชาย ส่วนในกลุ่มของผู้หญิงนั้นการดื่มกาแฟทุกชนิดมีอัตราการเป็นโรคหัวใจต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ดื่มกาแฟ
นอกจากนี้ถ้าแบ่งกลุ่มเป็นช่วงอายุพบว่าในกลุ่มที่มีอายุมากกว่า 60 ปีการกลุ่มที่ดื่มกาแฟทุกรูปแบบกับกลุ่มที่ไม่ดื่มกาแฟมีอัตราการเกิดโรคหัวใจใกล้เคียงกัน
ในขณะที่ผู้ขายอายุมากกว่า 60ปีที่ดื่มกาแฟแบบฟิลเตอร์มีอัตราการตายต่ำกว่าผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟ และผู้ที่ดื่มการแบบไม่กรองมีอัตราการตายสูงกว่าผู้ไม่ดื่มกาแฟ
ในส่วนของปริมาณกาแฟที่ดื่มในแต่ละวัน กลุ่มผู้ที่ดื่มกาแฟฟิลเตอร์วันละ 1-4 แก้วมีอัตราตายต่ำที่สุด ในทางกลับกันผู้ที่ดื่มกาแฟที่ชงโดยไม่ผ่านการกรองมากกว่า 9 แก้วมีอัตราการตายสูงที่สุด
สรุปผล
พบว่าในกลุ่มที่ดื่มกาแฟฟิลเตอร์มีอัตราการตายที่ต่ำกว่าการไม่ดื่มกาแฟ และในกลุ่มที่ดื่มกาแฟแบบไม่กรองมีอัตราการตายที่สูงกว่ากลุ่มที่ดื่มกาแฟฟิลเตอร์ และต้องดื่มในปริมาณที่ไม่มากเกินไป
สำหรับเหตุที่วิธีการชงกาแฟมีผลต่ออัตราการตายเนื่องมาจากในกาแฟจะมีสารที่เพิ่มปริมาณ Chorestoral ในเลือดได้แก่ Diterpenes kahweol และ Cafestol เมื่อเปรียบเทียบกาแฟที่ไม่ได้ผ่านการกรองจะมีปริมาณสาร Diterpenes สูงกว่ากาแฟที่กรองด้วยกระดาษกว่า 30 เท่า ซึ่งตัวเลขอาจจะแตกต่างไปตามความละเอียดของกาแฟที่บด และความถี่ของกระดาษกรอง
ในสำหรับกลุ่มที่ดื่มกาแฟฟิลเตอร์แล้วมีอัตราการตายต่ำกว่าผู้ที่ไม่ดื่มอาจจะมาจากสารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟ
**สำหรับการทดลองนี้เป็นการทดลองในกลุ่มตัวอย่างของประเทศนอร์เวย์ดังนั้นอาจจะไม่สามารถใช้กับประเทศอื่นได้
Reference